Home กฎหมาย-ฎีกาน่ารู้ ล่อซื้อ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำไมยกฟ้อง มีฎีกา

ล่อซื้อ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำไมยกฟ้อง มีฎีกา

9544

สารบัญ

คำถาม

ล่อซื้อ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำไมยกฟ้อง มีฎีกา

ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับการล่อซื้อสินค้าลิขสิทธินั้น ทางทีมงานทนายกฤษดา ได้ค้นคำพิพากษาศาลฎีกาที่เคยตัดสินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้ท่านผู้อ่านได้วิเคราะห์ไปพร้อมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4077/2549

คดีนี้…จำเลยให้การปฏิเสธ

… เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยพยานโจทก์เบิกความว่าผู้เสียหายให้สายลับทำการล่อซื้อ แต่นายไพบูลย์เบิกความตอบโจทก์ถามติงว่าพยาน..ไม่ได้ทำการล่อซื้อ ร้านค้าจำเลยมีแผ่นซีดีขายอยู่แล้ว นางอชินีบอกว่าเป็นร้านที่มีกิจการขายแผ่นซีดีรายใหญ่ จึงได้มีการขอซื้อแผ่นซีดีภาพยนตร์ในคดีนี้ ซึ่งคำเบิกความดังกล่าวของนายไพบูลย์ขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดี เนื่องจากแผ่นซีดีภาพยนตร์ของกลางเป็นแผ่นซีดีภาพยนตร์ที่จำเลยนำมาจากภายนอกทั้งสิ้น ไม่ใช่แผ่นซีดีภาพยนตร์ที่มีอยู่ในร้านขายซีดีที่เกิดเหตุ และตามทางนำสืบของโจทก์เองก็ไม่ปรากฏหลักฐานใด ๆ ยืนยันว่าในร้านขายซีดีที่เกิดเหตุมีแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์

… สำหรับคดีนี้ แม้ว่าจะมีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และมีการนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยก็ตาม แต่จากคำเบิกความของดาบตำรวจกษิดิ์เดชและพันตำรวจตรีนภดล พนักงานสอบสวน ก็แสดงให้เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจไม่ทราบเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายในคดีนี้มาก่อน และไม่ทราบเรื่องที่นางอชินีได้ติดต่อซื้อแผ่นซีดีภาพยนตร์ของกลางจากจำเลยไว้ก่อน พฤติการณ์ของคดีเป็นการที่ผู้เสียหายดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานด้วยตนเองทั้งสิ้น แล้วจึงแจ้งความร้องทุกข์เพื่อนำเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจำเลย

… เพราะจำเลยได้ให้การถึงกรณีที่มีคนสั่งให้ตนซื้อแผ่นซีดีภาพยนตร์ของกลางมาตั้งแต่ต้น ตามที่ปรากฏในบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ. 8 ซึ่งได้จัดทำขึ้นในวันเกิดเหตุนั่นเอง ทั้งจำเลยได้ถามค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับนางน้อยมาโดยตลอด น่าเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าเป็นกรณีที่ฝ่ายผู้เสียหายได้ชักจูงใจหรือก่อให้จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้อง และไม่อาจถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย การแจ้งความร้องทุกข์ จึงไม่ใช่การแจ้งความร้องทุกข์ตามกฎหมาย ทำให้การสอบสวนไม่ชอบ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้

… จำเลยไม่มีเจตนาแต่แรกที่จะขายแผ่นซีดีภาพยนตร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย แต่เป็นกรณีที่ฝ่ายผู้เสียหายได้ชักจูงใจหรือก่อให้จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย การแจ้งความร้องทุกข์จึงไม่ใช่การแจ้งความร้องทุกข์ตามกฎหมาย ทำให้การสอบสวนไม่ชอบและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

… พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งสิ้น

สำหรับคนที่สงสัย

ตามป.วิ.อาญา มาตรา 226+2(4) เป็นทั้งเรื่องผู้เสียหายและพยานที่เกิดโดยมิชอบครับ

มีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อทนายกฤษดา 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th

 

 

Facebook Comments