คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2499

คำพิพากษาย่อสั้น

รับประกันภัยรถยนต์แบบประกันสิ้นเชิง โดยตีราคาไว้เป็นเงินจำนวนหนึ่งเมื่อรถยนต์ประสพอุปัทวเหตุเสียหายยับเยินไม่อาจซ่อมให้คืนใช้การได้ดีดังเดิมผู้รับประกันต้องรับเอารถไว้ และใช้ราคาตามจำนวนเงินที่เอาประกันไว้

คำพิพากษาย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับประกันรถยนต์ออสตินบรรทุกส่วนบุคคลของโจทก์หมายเลข ก.ท. 18917 แบบประกันสิ้นเชิงโดยตีราคาไว้เป็นเงิน30,000 บาท ตามกรมธรรม์ที่ 339 ต่อมารถยนต์ของโจทก์ประสพอุปัทวเหตุ เสียหายยับเยิน จำเลยได้ส่งรถเข้าอู่ซ่อมแต่ก็ไม่อาจซ่อมให้คืนใช้การได้ดังเดิม โจทก์ได้ให้ทนายมีหนังสือขอให้จำเลยรับเอารถไว้ และใช้ค่าทดแทนให้โจทก์30,000 บาทจำเลยไม่ยินยอม จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์ในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยใข้ได้ดีเป็นปกติดังเดิม หากปฏิบัติไม่ได้ก็ให้จำเลยรับเอารถไว้และใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์เต็มจำนวน 30,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

จำเลยให้การรับว่า ได้รับประกันรถยนต์ของโจทก์ไว้ โดยตีราคา 30,000 บาท จริง ส่วนการซ่อมรถนั้น จำเลยได้ซ่อมให้เรียบร้อยใช้การได้ดีดังเดิมแล้ว จำเลยติดต่อให้โจทก์มารับรถ โจทก์ก็ไม่มามีอันแต่จะเอาเงินค่าประกันเต็มจำนวนตามสัญญา จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่า เชสซี่รถของโจทก์ฉีก ได้มีการการซ่อม โดยตัดและเชื่อมเข้าไว้ไม่เป็นการปลอดภัย จึงเห็นว่าการซ่อมของจำเลยไม่เรียกว่าเป็นการซ่อมเรียบร้อยแล้ว จึงพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์ในสภาพอันซ่อมแซมเรียบร้อยดีหากปฏิบัติไม่ได้ก็ให้จำเลยรับเอารถไว้ แล้วใช้ราคา30,000 บาท ตามที่จำเลยรับประกันไว้ ถ้าชำระเป็นเงิน ให้คิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งในวันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมและค่าทนาย 1,000 บาท แทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว คดีคงได้ความว่าจำเลยได้รับประกันรถยนต์โจทก์ไว้โดยตีราคา 30,000 บาท ต่อมารถโจทก์ชนกองหินคว่ำลงได้รับความเสียหายมาก จำเลยได้นำรถยนต์ของโจทก์ไปให้อู่บุญศรีซ่อมแล้ว ยังมีปัญหาแต่ว่าจำเลยได้ซ่อมแซมเรียบร้อยใช้การได้ดีดังเดิมหรือไม่เท่านั้น

จำเลยนำสืบว่า อู่บุญศรีซ่อมรถโจทก์เรียบร้อยแล้ว และคนของบริษัทจำเลยได้ทดลองขับดู ปรากฏว่ารถใช้การได้ดี

ฝ่ายโจทก์นำสืบว่า เชสซี่รถของโจทก์คด จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่แต่จำเลยมิได้เปลี่ยน เพียงแต่ตัดแล้วทุบให้คืนตัว แล้วเชื่อไว้เท่านั้นซึ่งไม่เป็นการปลอดภัยในการที่จะนำไปใช้

ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่า เชสซี่ของรถนั้นเป็นที่รับกันว่าเป็นส่วนสำคัญ ถ้าคดหรืองอจะทำให้ศูนย์ไม่เที่ยงและไม่ปลอดภัยในการใช้ เป็นการเชื่อได้ว่า เชสซี่รถของโจทก์มีการชำรุด เพราะตามคำนายวิจิตรคนของอู่ที่ซ่อมเบิกความความว่า บริษัทจำเลยได้แจ้งไปยังอู่ว่า ถ้าเชสซี่เป็นมากก็ให้จัดการเปลี่ยนให้ แต่พยานได้ไปถามหาในท้องตลาดและที่บริษัทดีทแฮล์มเอเย่นต์รถออสตินก็ว่าไม่มีเชสซี่ขาย จึงได้แต่เชื่อมรอยแตกของเชสซี่รถของโจทก์ให้ได้ดังนี้จึงเห็นได้ว่าเชสซี่รถโจทก์จำเป็นต้องเปลี่ยน แต่เชสซี่ในท้องตลาดไม่มีขาย อู่จึงมิได้เปลี่ยนให้ดังนี้จึงเห็นว่า การซ่อมเช่นนี้จะเรียกว่าได้ซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีแล้วยังไม่ได้

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า เป็นสิทธิของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวที่จะเลือกว่าจะรับเอารถของโจทก์ไว้ และใช้ราคาเต็มจำนวนที่เอาประกันไว้หรือไม่ตามเงื่อนไขข้อ 3 แห่งกรมธรรม์ประกันภัยนั้น ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า ไม่มีข้อความให้สิทธิบริษัทที่จะไม่รับเอารถยนต์ไว้และไม่ต้องใช้ราคาตามที่เอาประกันภัยไว้ มีแต่เพียงสิทธิจะเลือกเอาทางซ่อมแซมหรือใช้รถใหม่แทนจำเลยได้เลือกเอาทางซ่อมแซม แต่ก็ไม่อาจซ่อมให้ดีดังเดิมดังนั้นก็ต้องรับเอารถไว้ และใช้ราคาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาถูกต้องแล้ว

จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์อีก 500 บาท

กล่าวโดยสรุป

ซากรถยนต์เสียหายยับเยินไม่อาจซ่อมให้ดีดังเดิมได้ หากเอาประกันไว้เต็มราคา เมื่อผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แล้ว ผู้รับประกันย่อมรับซากทรัพย์นั้นไปเป็นประโยชน์ได้

ปรึกษาทีมงานทนายความ
ทนายอธิป 061-939-9935
ทนายเบส 091-939-4249
ทนายหนึ่ง 084-444-8952
ทนายไผ่ 095-781-9477
ทนายตี๋ใหญ่ 088-021-7716

Facebook Comments