Home ทั้งหมด สามีเลี้ยงดูหญิงอื่น ฟ้องหย่าได้หรือไม่

สามีเลี้ยงดูหญิงอื่น ฟ้องหย่าได้หรือไม่

966

สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี

การอุปการะเลี้ยงดูคู่สมรสอีกฝ่ายนั้นเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากนี้โดยสภาพความ เป็นจริงการอุปการะเลี้ยงดูเป็นปัจจัยที่สำคัญ เพราะคู่สมรสอีกฝ่ายย่อมอาศัยเป็นปัจจัยในการดำรง ชีพของตน การไม่อุปการะเลี้ยงดูคู่สมรสย่อมกระทบต่อความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของอีกฝ่าย ถึงขนาดที่มาตรา 1598/38 ให้ฟ้องเรียกเอาได้เมื่อฝ่ายที่ควรได้รับไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดู หรือ ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอแก่อัตภาพ และมาตรา 1484 ยังให้คู่สมรสร้องขอให้ศาลสั่ง อนุญาตให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสแต่ผู้เดียว หรือสั่งให้แยกสินสมรสก็ได้ อนึ่ง ลำพังเพียงการ ไม่อุปการะเลี้ยงดูคู่สมรสเป็นเหตุฟ้องหย่าในตัวเองตามมาตรา 1516 (6) อยู่แล้ว

หากการไม่ อุปการะเลี้ยงดูนั้นก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่คู่สมรสอีกฝ่ายเกินควรเมื่อคำนึงถึงสภาพ ฐานะ และ ความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาประกอบ ดังนั้นการที่สามีไปอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันสามีภริยา จึงสมควรที่จะให้ภริยาฟ้องหย่าได้  เพราะเป็นการผิด หน้าที่ตามกฎหมายของสามี แม้ว่าในเวลาเดียวกันสามีจะอุปการะเลี้ยงดูภริยาหลวงและครอบครัว อย่างดีก็ตาม ถือว่าเป็นการลงโทษพฤติกรรมนอกลู่นอกทางของสามีนั่นเอง

การไปอุปการะเลี้ยงดูในทางปฏิบัติศาลฎีกาวางหลักไว้อย่างไร

หมายถึงการที่คู่สมรสไปรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่ จำเป็นสำหรับการดำรงชีพของผู้อื่น

เช่น ซื้อหรือเช่าบ้านให้อยู่อาศัย จ่ายค่าไฟฟ้า น้ำประปา ให้ ให้เงินไว้ใช้จ่ายประจำทุกเดือน เป็นต้น และจะต้องเป็นการเลี้ยงดูที่มีลักษณะต่อเนื่องอย่าง ถาวร เหมือนเลี้ยงดูคู่สมรสของตนเอง เหตุนี้หากภริยาเลี้ยงดูชายคนหนึ่งแต่มิใช่ในฐานะสามีแล้ว เช่นอุปการะเลี้ยงดูในฐานะคนใช้ คนขับรถ สามีจะฟ้องหย่าไม่ได้

การยกย่อง ได้แก่การแสดงออกของสามีภริยาไม่ว่าจะโดยชัดแจ้ง

เช่น จดทะเบียน สมรสและอยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผย หรือแสดงออกโดยปริยายว่าผู้นั้นเป็นคู่สมรส ของตน การยกย่องให้อยู่ในฐานะดังกล่าวไม่จำต้องถึงกับจดทะเบียนสมรสด้วยก็ได้ เช่นพาไป เที่ยวกับเพื่อนๆ และแนะนำให้ผู้บังคับบัญชาว่าชายหรือหญิงนั้นเป็นสามีหรือภริยาของตน หรือ พาไปไหว้บิดามารดาของตนเองเมื่อถึงวันสำคัญในรอบปี

อนึ่ง แม้สามีจะไม่เคยพาหญิงนั้นออกงานสังคม หรือแนะนำให้บุคคลอื่นรู้จักในฐานะภริยา แต่การที่ ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย อยู่ในบ้านซึ่งปลูกสร้างในแหล่งชุมชนด้วยกันในเวลา กลางคืน ขับรถรับส่งเมื่อไปทำกิจธุระหรือซื้ออาหารด้วยกัน ย่อมบ่งชี้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว และเอื้ออาทรดูแลเอาใจใส่ต่อกัน แสดงว่าสามยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา (ฎ. 6516/2552) หรือนำ หญิงอื่นมาอยู่ในบ้านและมาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา มีบุตรด้วยกันหนึ่งคนโดยสามีให้ใช้นามสกุลของตนเองเป็นต้น

สำหรับเหตุที่คู่สมรส “ยกย่อง” ผู้อื่นนี้สามารถพิจารณาแยกต่างหากจาก “การอุปการะ เลี้ยงดู” ได้ กล่าวคือ แม้สามีจะไม่ได้เลี้ยงดูหญิงเลยแต่หากมีพฤติกรรมที่ยกย่องหญิงนั้นดุจภริยา แล้ว ย่อมใช้เป็นเหตุฟ้องหย่าได้ และหากสามีเลี้ยงดูหญิงด้วยก็อาจถือเป็นข้อเท็จจริงประกอบ อย่างหนึ่งว่าสามียกย่อง ที่เป็นเช่นนี้เพราะในบางกรณีหญิงดังกล่าวอาจจะมีฐานะทางการเงินดีอยู่ แล้วสามีไม่จำต้องไปจ่ายเงินเลี้ยงดูอีกก็ได้ ทำนองเดียวกันกับการอุปการะเลี้ยงดูในฐานะภริยา น้อยอย่างลับๆ ก็ได้ ซึ่งโดยปกติก็มักจะเป็นในลักษณะนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้หญิงที่ได้รับการเลี้ยงดู หรือได้รับการยกย่องจะรู้หรือไม่รู้ว่าชายมีภริยาหรือไม่ก็ตามไม่เป็นข้อสำคัญ ภริยาฟ้องหย่าได้ เพราะถือเอาพฤติกรรมของสามีเป็นหลัก และหากขณะยื่นฟ้อง สามียังคงอุปการะเลี้ยงดูและ ยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา อันเป็นพฤติการณ์ต่อเนื่องตั้งแต่โจกท์ภริยารู้ข้อเท็จจริงดังกล่าว เหตุ ฟ้องหย่านี้จึงยังคงมีอยู่ตลอดมา และภริยาย่อมยกเป็นเหตุหย่าได้โดยไม่สำคัญว่าภริยาจะได้รู้ข้อ เท็จจริงดังกล่าวก่อนฟ้องเกิน 1 ปีหรือไม่

อายุความในการฟ้องร้อง เพียง ๑ ปี

สิทธิฟ้องร้องดังกล่าวไม่ระงับไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1529 (0.4678/2552)เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้หย่ากันด้วยเหตุข้างต้นแล้ว ภริยาหรือสามีย่อมมีสิทธิได้รับ ค่าทดแทนจากสามีหรือภริยา และจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หากภริยายินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้สามีเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นแล้ว ภริยาจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าทั้งเรียกค่า ทดแทนไม่ได้ (มาตรา 1517 วรรคแรก และมาตรา 1523 วรรคแรกและวรรคท้าย ดู ฎ. 764/2534 และ ฎ. 3569/2546 ประกอบ)

กล่าวโดยสรุป ด้วยระบบตัวเดียวเมียเดียวในกฎหมายครอบครัว คู่สมรสมีหน้าที่ต้อง ซื่อสัตย์ต่อกัน จะไปอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นเป็นบุคคลที่สองนอกจากสามีหรือภริยาที่ชอบ ด้วยกฎหมายของตนไม่ได้

ภริยามีชู้หรือสามีเป็นชู้

การมีชู้ของภริยาหมายถึง สมัครใจร่วมประเวณีกับชายอื่น หากภริยาไม่สมัครใจหรือ ถูกข่มขืนกระทำชำเราจะเรียกว่ามีชู้ไม่ได้ ทำนองเดียวกันกับสามี หากไปร่วมประเวณีกับภริยา ของชายอื่น ย่อมถือว่าเป็นชู้ อาจถูกฟ้องหย่าได้ และหากสามีหรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็น เป็นใจในการที่คู่สมรสของตนมีชู้หรือเป็นชู้ย่อมจะฟ้องหย่าไม่ได้

สามีหรือภริยาร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ

เป็นกรณีสามีหรือภริยาไปร่วมประเวณีกับเพศตรงข้ามซึ่งมิใช่คู่สมรสของตนเป็นประจำ หรือบ่อยครั้ง มิใช่ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งหากเป็นพฤติกรรมของภริยาย่อมถือว่ามีชู้อยู่แล้วแม้จะร่วม ประเวณีกับชายอื่นเพียงคนเดียวก็ตาม ขณะที่สามีหากไปร่วมประเวณีกับภริยาของชายอื่นย่อมถือว่าเป็นชู้ฟ้องหย่าได้ แต่ถ้าหญิงโสดก็ยังไม่ถือว่าเป็นชู้ คงต้องพิจารณาว่าได้ร่วมประเวณีกับหญิงนั้นเป็นประจำหรือไม่ หากร่วมประเวณีกับหญิงนั้นเป็นประจำก็อาจถูกภริยา ฟ้องหย่าได้

มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา

โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี@ lawyers.in.th

Facebook Comments