ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา 39 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ดังต่อไปนี้
(1) โดยความตายของผู้กระทำผิด
(2) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์ ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
(3) เมื่อคดีเลิกกันตามมาตรา 37
(4) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง
(5) เมื่อมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534
มาตรา 7 ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็คหรือแก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3062-3063/2562

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ที่จำเลยออกเช็คพิพาท 2 ฉบับ ฉบับละ 28,080 บาท เพื่อชำระหนี้ค่าลิขสิทธิ์ตามสัญญา มันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและสามารถบังคับได้ตามกฎหมายแก่โจทก์ร่วม ในระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยนำเงินสดจำนวน 56,160 บาท (จำนวนเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ) มาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสั่งนำฝากตามระเบียบ และบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยยื่นคำร้องขอวางเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายของโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นเงิน 56,160 บาท โดยได้วางเงินต่อศาลเพื่อให้โจทก์ร่วมมารับไป จึงบันทึกไว้เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษา ทนายโจทก์ร่วมแถลงว่า ยังไม่ประสงค์จะรับเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายและติดใจให้ศาลพิพากษาคดีต่อไป คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์เป็นอันระงับไปเพราะเหตุคดีเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยออกเช็คพิพาท 2 ฉบับ ฉบับละ 28,080 บาท เพื่อชำระหนี้ค่าลิขสิทธิ์ตามหนังสือสัญญา การที่จำเลยนำเงิน 56,160 บาท มาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามเช็คพิพาททั้ง 2 ฉบับให้แก่โจทก์ร่วม โดยทนายโจทก์ร่วมเพียงแต่แถลงว่ายังไม่ประสงค์จะรับเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายและติดใจให้ศาลพิพากษาคดีต่อไป ไม่ได้คัดค้านว่าหนี้ที่ออกเช็คพิพาทยังไม่ระงับไปเพราะเหตุจำเลยมิได้ชำระดอกเบี้ยระหว่างผิดนัด ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คดีจึงเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ดังนั้น สิทธิของโจทก์ในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (3)

สรุป

หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คดีจึงเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ดังนั้น สิทธิของโจทก์ในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (3)

ปรึกษาทีมงานทนายความ
ทนายอธิป 061-939-9935
ทนายเบส 091-939-4249
ทนายหนึ่ง 084-444-8952
ทนายไผ่ 095-781-9477
ทนายตี๋ใหญ่ 088-021-7716

Facebook Comments