Home ทั้งหมด สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ฟ้องหย่าได้หรือไม่

สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ฟ้องหย่าได้หรือไม่

951

สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ฟ้องหย่าได้หรือไม่

ตามปกติแล้วสามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญา หรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งนั้น จะฟ้องหย่าได้หรือไม่ ทีมงานทนายกฤษดา ขออธิบายในแต่ละหัวข้อดังนี้

1.ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

เช่น สามีเป็นปลัดอำเภอ ซึ่งเป็น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่ภริยากลับกระทำความผิดในข้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและเสื่อม เสียศีลธรรมอันดี โดยถูกศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกในข้อหาเป็นเจ้าของ ดูแล และผู้จัดการสถาน การค้าประเวณี และข้อหาขายหรือให้บริการเทปและวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต (ฎ. 116/2547) สามีเป็นชู้กับภริยาผู้อื่นหรือปลุกปล้ำ และทำร้ายหญิงลูกจ้างโดยส่อเจตนาว่าจะใช้กำลังบังคับข่มขืน ใจให้ยินยอมร่วมประเวณีในบ้าน (ฎ. 1845/2529) สามีส่งเอกสารต่างๆ ที่ด่าว่าภริยาไปให้ตัวภริยา และบุคคลอื่นทางไปรษณีย์กับส่งทรัพย์สินของภริยาที่สามีทำลายแล้วไปให้ภริยา (ฎ.5638/2537)

2. ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติ

ชั่วอยู่ต่อไป เช่น สามีมีอาชีพซื้อเด็กหญิงเพื่อนำไปขายเป็นโสเภณีหรือรีดไถชาวบ้าน

3. ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะ และความ เป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ

เช่น สามีดื่มสุราเป็นอาจิณ และกลับบ้านดึก เมื่อเมาจะด่าว่าภริยา แม่ยาย และบุตรสาว ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาทิ “อีดอกทอง” “อีเหี้ย “อีสัตว์” “กะหรี่ยังดีกว่ามึงเสียอีก” “อีดอกทองทั้งแม่ทั้งลูก” เป็นต้น นอกจากนี้ ฝ่ายชายยังเคย ถือมีดทำครัวขู่จะทำร้ายภริยา จนภริยาต้องวิ่งหนีขึ้นชั้นบนบ้าน และเคยนำสากกะเบือซ่อนไว้ใต้ หมอนเพื่อเตรียมทำร้ายภริยา จนกระทั่งภริยาและบุตรสาวต้องพากันย้ายไปอาศัยอยู่กับแม่ยาย (ฎ. 13082/2558) สามีติดยาเสพติดหรือภริยาชอบเล่นการพนัน ถึงขนาดนำทรัพย์สินไปจำนำเอา เงินไปเล่น ทำให้เงินไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว (ฎ. 2141/2531)

เหตุหย่าตามข้อนี้หากคู่สมรสอีกฝ่ายได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจด้วยก็จะนำมาใช้เป็นเหตุ ฟ้องหย่าไม่ได้ เช่น ตัวภริยารู้เห็นและร่วมค้ายาเสพติดกับสามี ต่อมาสามีถูกเจ้าพนักงานตำรวจ จับและศาลลงโทษจำคุกสามี 20 ปี ภริยาจะยกขึ้นเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ (ฎ. 3288/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2541

การที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาโจทก์และสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ว่าโจทก์ไม่เลี้ยงดูจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรเพราะประสงค์จะได้ เงินเดือนโจทก์กึ่งหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ 1 ขอให้ทางสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายช่วยดำเนินการ ไกล่เกลี่ยให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 1 ไม่สามารถเบิกจ่ายจากทาง ราชการได้ เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีให้สิทธิสามีเป็นผู้เบิกเงินค่าช่วยเหลือบุตร แต่ไม่สามารถ ไกล่เกลี่ยได้ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาโจทก์และสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายดังกล่าวเป้นการร้องขอความช่วยเหลือหาเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่

มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา

โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th

Facebook Comments